Last updated: 2 ต.ค. 2567 | 726 จำนวนผู้เข้าชม |
ทันทีที่ “YZF-R7” เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ก็ได้รับกระแสการตอบรับเป็นอย่างมากทั้งที่ต่างประเทศและในเมืองไทย ด้วยคอนเซ็ปต์ที่ออกแบบมาเพื่อให้เป็นซูเปอร์ตสปอร์ตซึ่งถอดแบบหรือว่ามันส์ได้อารมณ์ความรู้สึกของ R-Series แต่เป็นเครื่องยนต์แบบ 2 สูบ ตัวรถมีน้ำหนักเบา ดีไซน์ตัวเฟรมให้เพียว โดยเล็งเป้าไปที่กลุ่มคนที่ไม่ได้มุ่งเน้นในการขับขี่ในสนามเพียงอย่างเดียว แต่ยังชอบใช้ชีวิตประจำวันหรือการขับไปทัวริ่งต่างๆ นั่นเอง
และเพื่อเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนในเมืองไทยได้ลองทดสอบขับขี่เจ้า “R7” ก่อนใคร ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จึงได้จัดกิจกรรม “First Experience Exclusive Press Test YAMAHAYZF-R7 in World Circuit” โดยเป็นการทดสอบขับขี่ในสนามแข่งระดับโลกอย่าง สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต ซึ่งนักทดสอบของ FRM ก็มีโอกาสได้ร่วมทดสอบด้วยเช่นกัน...แม้ว่าการทดสอบในครั้งนี้จะต้องขับขี่กันท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาอยู่ตลอดเวลา แต่นักทดสอบก็ยังพอที่จะสัมผัสกับสมรรถนะของ R7 ได้บ้าง แม้จะไม่เต็มร้อยก็ตาม…
สำหรับสัมผัสแรกเมื่อได้ลองขึ้นคร่อมบนเจ้า “YZF-R7 นั้น เราสัมผัสได้ถึงความเพรียวบางแตกต่างจากซูเปอร์สปอร์ตทั่วไปได้อย่างชัดเจน ด้วยการดีไซน์เบาะนั่งที่ไม่กว้างจนเกินไปนั่งทำให้ช่วงหน้าขาไม่กางออกจนเกินไป ทำให้สามารถวางเท้าได้เกือบเต็มฝ่าเท้าทั้ง 2 ข้าง (สำหรับคนที่สูง 173 ซม.) เมื่อลองก้มลงจับแฮนด์รู้สึกได้ว่าไม่ต้องก้มตัวมากจนเกินไปนัก เพราะ R7 ถูกออกแบบสูงของแฮนเดิ้ลบาร์ระหว่าง R6 ที่เป็นรถสปอร์ตสายสนามที่แท้จริงกับ R3 ที่เป็นรถสปอร์ตสไตล์ทัวริ่ง นี่จึงทำให้ R7 สามารถที่จะขับขี่บนท้องถนนก็สามารถทำได้ หรือขี่ลงสนามแข่งก็ไม่เขอะเขิลจนเกินไปนัก
ในส่วนของกำลังเครื่องยนต์ที่เป็นแบบ Crossplane 2 (CP2) ทำให้ R7 เป็นซูเปอร์สปอร์ตที่มีทอร์คหรือแรงบิดเยอะ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเรียกแรงม้าออกมาใช้งานได้ง่ายในทุกเกียร์โดยที่ไม่ต้องเค้นลากรอบเครื่องยนต์สูงมากนัก แต่ถึงจะมีแรงบิดที่เยอะแต่ผู้ขับขี่ก็ยังคงสามารถที่จะควบคุมคันเร่งให้สามารถควบคุมฝูงม้าให้เชื่องได้อย่างไม่ยากเย็นนัก อีกทั้งเครื่องยนต์ยังถูกออกแบบมาให้มีสลิปเปอร์คลัทช์ที่ช่วยใช้ให้การเปลี่ยนเกียร์มีความนุ่มนวลและสมูททำให้ไม่เสียจังหวะในการควบคุมรถเมื่อเชนจ์เกียร์ลงต่ำ ซึ่งต้องบอกว่าเครื่องยนต์ของ R7 นี้ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างสนุกและเร้าใจ และยังคงเป็นมิตรกับผู้ขับขี่อีกด้วย
นอกจากนี้ตัวรถของ R7 ที่ออกแบบให้มีความเพรียวบางและมีน้ำหนักที่เบาทำให้สามารถขับขี่ได้ง่ายและมีความคล่องตัวเป็นอย่างมากเราสามารถที่จะพลิกรถเข้าโค้งได้ง่ายโดยที่ไม่ต้องโหนรถจนเกินไปนัก รวมถึงช่วงล่างที่โช้คอัพหน้าเป็นแบบอัพไซด์ดาวน์ ที่สามารถปรับได้ทั้ง Pre-load, Rebound และ Compression กับโช้คอัพหลังเดี่ยวที่ปรับ Pre-load และ Rebound โดยสามารถปรับเซ็ทได้อย่างละเอียดนั้นก็ช่วยให้การขับขี่ R7 ในสภาพพื้นแทร็คที่เปียกยังคงสามารถยึดเกาะกับพื้นแทร็คได้ดีในทุกจังหวะการขับขี่
รวมถึงยางติดรถอย่าง Bridgestone รุ่น Battlax Hypersport S22 ที่มีคอมปาวด์ที่หลากหลายในเส้นเดียวกันยิ่งทำให้เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ได้เป็นอย่างมากทีเดียว และยังเพิ่มความมั่นใจในการชะลอความเร็วหรือหยุดรถด้วยระบบดิสก์เบรกหน้าแบบคู่ที่ปั๊มบนเป็นของ Brembo ทำงานร่วมกับคาลิเปอร์แบบ 4 พอร์ท และจานเบรกใหญ่ 289 มม. ส่วนด้วนหลังดิสก์เดี่ยวขนาด 245 ม.ม. โดยระบบเบรกนี้มาพร้อมกับระบบ ABS ทำให้สามารถหยุดความเร็วของ R7 ได้อย่างมั่นและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
จากการทดสอบเบื้องต้นนี้ ต้องบอกว่า “YZF-R7” นี้น่าจะตอบโจทย์ได้ดีผู้ขับที่ที่ต้องการรถซูเปอร์ตสปอร์ตที่ขับขี่ได้ทั้งในสนามและการขับขี่บนถนน โดยที่ราคาเพียง 339,000 บาท กับซูเปอร์ตสปอร์ต Made in Japan...รับรองคุ้มค่าแน่นอน!!!