Last updated: 2 ต.ค. 2567 | 53430 จำนวนผู้เข้าชม |
ปัจจุบันถ้าจะพูดถึงอาชีพที่ต้องใช้รถจักรยานยนต์เป็นหลักในการทำงานแล้วล่ะก้อ!!! Food Delivery ถือเป็นอีกหนึ่งอาชีพในนั้นที่วันนึงๆ ต้องคลุกคลีอยู่กับรถจักรยานยนต์คู่ใจไม่ต่ำกว่าวันละ 7-10 ชม. หรือเฉลี่ยวันละ 200-300 กม. เลยทีเดียว...นั่นจึงทำให้ผู้ประกอบอาชีพ “รับ-ส่ง อาหาร” ต้องเลือกใช้รถจักรยานยนต์ที่ต้องตอบโจทย์ความต้องการของตนเองได้มากที่สุด!!!
สำหรับ “มิ้งค์ – ชลลดา มาเจริญ” ที่หันมาประกอบอาชีพ Food Delivery อยู่ที่ จ.อยุธยา ภายใต้สังกัดแอพพลิเคชั่น Food Panda ก็เป็นคนนึงที่เลือกใช้รถครอบครัวยุคใหม่อย่าง “ยามาฮ่า ฟินน์” เป็นพาหนะคู่ใจในการทำงาน...ส่วนจะเป็นด้วยเหตุผลอะไรยังไงนั้น มาติดตามไปด้วยกันกับบทสัมภาษณ์ของเธอ…
FRM : ปัจจุบันทำอาชีพ Food Delivery มากี่เดือนแล้ว ก่อนหน้านี้ทำงานอะไร?
มิ้งค์ : ทำงานขับ Food Panda มาได้ประมาณ 6 เดือนแล้วจ้า โดยก่อนหน้านี้ทำงานบริษัท...แต่พอมาเจอช่วงระบาดของโคโควิด-19 เข้าพอดี ก็เลยต้องออกจากที่เดิม แล้วพอดีตัวเองก็ชอบขี่มอเตอร์ไซค์ด้วย ก็เลยหันมาขี่รถส่งอาหารกับแพนด้าจ้า
FRM : ทำไหมถึงตัดสินใจเลือก ยามาฮ่า ฟินน์ มาขี่ทำงานรับ-ส่งอาหาร
มิ้งค์ : ที่ตัดสินใจซื้อ ยามาฮ่า ฟินน์ เนื่องจากก่อนหน้านี้ขี่ M-SLAZ แต่พอขี่ทำงานแล้วรู้สึกว่าไม่เหมาะกับการขับขี่ทำงานแบบนี้ เพราะคันมันใหญ่ รู้สึกไม่คล่องตัวในการทำงาน ก็เลยตัดสินใจไปซื้อ ฟินน์ เพราะเห็นว่ามีความคล่องตัว การซอกแซกไปในเมืองมันไปได้สะดวกกว่า เป็นรถเกียร์ ประหยัดน้ำมัน แถมชอบพรีเซ็นเตอร์อย่าง โตโน่ ด้วย แถมมีโปรโมชั่นพิเศษรับประกัน 5 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง ซึ่งมันคุ้มค่ามากๆ และยามาฮ่าก็ชอบมีโปรโมชั่นถ่ายน้ำมันเครื่องฟรี ชอบจัดกิจกรรม ชอบแจกของโน่นนี่อยู่เรื่อย และยังได้สิทธิ์ดอกเบี้ยพิเศษที่ต่ำมากจากการทำงานส่งอาหารเดลิเวอรี่ด้วย ก็เลยตัดสินใจได้ไม่ยาก
FRM : ตอนนี้ใช้ ยามาฮ่า ฟินน์ ทำงานมากี่เดือนแล้ว ลองเล่าให้ฟังหน่อยว่าปกติทุกวันทำงานยังไงบ้าง
มิ้งค์ : ตอนนี้ออก ยามาฮ่า ฟินน์ มาใช้งานได้ประมาณ 1 เดือน ขี่ทำงานส่งอาหารเป็นส่วนใหญ่เลย ตอนนี้ก็วิ่งไปแล้วเกือบ 5,000 กม. รู้สึกว่าการทำงานมันคล่องตัวกว่าเดิมเยอะ โดยในแต่ละวันก็จะเริ่มงานประมาณ 7 โมงเช้าจนถึงประมาณ 1-2 ทุ่ม แล้วแต่ช่วงเวลาที่เราเลือกรอบทำงาน วันนึงก็ทำงานระยะทางประมาณ 200-250 กม. บางทีถ้างานเข้าเยอะๆ ก็มีถึง 300 กม. ซึ่งก็วิ่งส่งรอบเกาะเมืองอยุธยา โดยจะเติมน้ำมันวันละ 1 ถัง ประมาณ 60 บาท ซึ่งประหยัดน้ำมันกว่าเดิมเยอะเลย รายได้ต่อวันจะอยู่ที่ประมาณ 700-1,000 บาท ขึ้นอยู่กับว่าออเดอร์มันจะเด้งเข้ามามากน้อยแค่ไหน ยิ่งวันเสาร์-อาทิตย์ งานจะเข้าเยอะมากจ้า
FRM : จากที่ขี่ ยามาฮ่า ฟินน์ ทำงานทุกวัน ลองเล่าให้ฟังหน่อยว่าสมรรถนะเป็นยังไงบ้าง
มิ้งค์ : ชอบในเรื่องของกำลังเครื่องยนต์ที่มันบิดได้ตามมือเลย ไม่รู้สึกว่ามันอืด แม้จะออกตัวในช่วงเกียร์ 2 เกียร์ 3 ก็ยังออกตัวไหวอยู่น่ะ การออกตัวก็นุ่มนวล ไม่กระชาก ซึ่งปกติก็จะขี่ความเร็วประมาณ 60 ก็ไปได้แบบชิลล์ๆ สบายๆ การเข้าเกียร์ก็นุ่มมากเลยจ้า สับเกียร์ง่าย จนบางทีแถมไม่รู้เลยว่าเปลี่ยนเกียร์ไปแล้ว ตอนถอนเกียร์มันก็นุ่มไม่มีกระตุกเลยเหมือนยี่ห้ออื่นน่ะ แล้วก็ชอบเรื่องเบรคมาก คันนี้เป็นตัวท๊อปที่มีเบรค UBS มันเบรคได้ดีมากเลยจ้า ไม่ว่าเราจะเบรคทั่วไปหรือตกใจเบรค มันก็เบรคได้นุ่มมากเลย เบรคแล้วรถไม่ส่ายไม่เป๋เลย หัวไม่ทิ่มเหมือนยี่ห้ออื่น ยิ่งในช่วงหน้าฝนหรือการเบรคในน้ำก็ทำให้รู้สึกมั่นใจมากๆ เลย แม้จะเหยียบเบรคหลังอย่างเดียวแต่ก็สามารถชะลอหรือหยุดได้อย่างนุ่มนวล รถไม่ไถล ทำให้ทรงตัวได้ดี เคยขี่รุ่นอื่นแล้วเบรคมันรู้สึกรถจะแฉลบๆ ลื่น
FRM : แล้วส่วนตัวชอบ ยามาฮ่า ฟินน์ ตรงไหนเป็นพิเศษบ้าง
มิ้งค์ : ยามาฮ่า ฟินน์ นี่ชอบทุกส่วนเลย ไม่ว่าจะเป็น กุญแจที่ทำได้ทุกอย่างในจุดเดียวกัน ทั้งสตาร์ทรถ ล็อคคอ หรือเปิดเบาะ ที่เปิดง่ายแค่บิดกุญแจไม่ต้องดึงกุญแจออกไปเปิดเหมือนยี่ห้ออื่น แล้วก็ช่องเก็บของด้านหน้าที่เก็บของเก็บขวดน้ำได้ และของอื่นๆ ทำให้หยิบสะดวก อย่างเวลาเข้าหมู่บ้านที่ต้องแลกบัตรก็หยิบบัตรจากช่องนี้เก็บบัตรที่ช่องนี้ได้อย่างสะดวก ที่เก็บของใต้เบาะก็ใหญ่สามารถเก็บชุดกันฝนรองเท้าสำรองไว้ได้สบายๆ เก็บของได้เยอะอยู่เหมือนกัน และก็ชอบที่โช้คอัพนุ่มมาก เวลาบรรทุกอาหารนี่ชอบมากเลย เพราะเวลาขี่เจอเนินไม่ต้องกลัวว่าอาหารหรือน้ำที่ลูกค้าสั่งมาจะหกเลย การรับการสั่นสะเทือนมันทำได้ดี การขับขี่ส่งอาหารในช่วงกลางคืนไฟหน้าก็สว่าง ทำให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน หน้าปัดก็มองเห็นได้ชัดเจนดีทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน
FRM : ตลอดการทำงานที่ผ่านมา ประทับใจ ยามาฮ่า ฟินน์ ยังไงบ้าง
มิ้งค์ : สิ่งที่ประทับใน ยามาฮ่า ฟินน์ ตลอด 1 เดือนที่ใช้ทำงานมาคือ ประหยัดน้ำมัน คล่องตัว ขี่สบาย เครื่องยนต์ก็มีความแรงในระดับที่เพียงพอกับการใช้งาน ขับขี่ไกลได้เครื่องยนต์ก็ไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ รู้สึกว่ามันทนดี นอกจากจะใช้ขี่ทำงานแล้ว ยังใช้ขี่ไปตลาด ไปเที่ยวไปไหว้พระกับครอบครัว ก็ใช้ในชีวิตประจำวันด้วย
FRM : สุดท้ายอยากให้ฝากอะไรถึงผู้ประกอบอาชีพ Food Delivery สักหน่อย
มิ้งค์ : อยากฝากถึงเพื่อนๆ ที่ขับขี่ส่งอาหารเดลิเวอรี่ ก็อยากให้มาลองใช้ ยามาฮ่า ฟินน์ เพราะประหยัดดี เครื่องยนต์ไม่ร้อนและก็มีกำลังที่จะสามารถขี่ไปส่งอาหารให้ลูกค้าได้อย่างรวดเร็วทันเวลา ระบบรองรับการสั่นสะเทือนก็ดีไม่ทำให้อาหารหกเสียหาย ราคาก็ไม่แพงสำหรับการซื้อมาใช้ทำงาน แถมมีรับประกันทั้งคัน 5 ปี ซึ่งคุ้มค่ามากและเหมาะกับการใช้ขี่ทำงานประเภทนี้ เพราะเราจะใช้รถทำงานหนักทุกวัน แต่ยามาฮ่ามีการรับประกันที่ดีทำให้เรามั่นใจได้มากขึ้น ถูกใจมากค่ะ