Last updated: 2 ต.ค. 2567 | 321 จำนวนผู้เข้าชม |
Highlight Motorcycles Zone @Motor Expo 2023
ตัวเด็ด...ทั้งโมเดลใหม่และมอ’ไซค์ไฟฟ้า ยกทัพมากันแน่นพื้นที่!!!
สำหรับ “ไฮไลท์” ในส่วนของ “โซนจักรยานยานยนต์” หรือ “Motorcycles Zone” ของแต่ละค่ายที่ร่วมออกบูธนั้น เรียกได้ว่าแต่ละโมเดลต่างได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
เริ่มกันที่ HONDA นำทัพโดยรถบิ๊กไบค์ตระกูล 650Series กับ “All New Honda CBR650R” และ “All New Honda CB650R” ที่ปรับโฉมครั้งใหญ่ มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของโลก Honda E-Clutch ที่จะช่วยให้การขับขี่ง่ายขึ้น และเปิดตัวรถในตระกูล 500Series กับ “All New Honda CBR500R” ที่ปรับโฉมใหม่หมดทั้งคัน ตามด้วย “New Honda CB500Hornet” ดุดันยิ่งกว่าเดิม และ “New Honda NX500” ดีไซน์ใหม่ สะท้อนความเป็น Adventure เต็มขั้น พร้อมติดตั้งเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่แบบครบครันในรถ 500Series ทุกคัน ไม่ว่าจะเป็นระบบ Honda Selectable Torque Control (HSTC) หน้าจอแบบ TFT Screen ที่ทำงานร่วมกับ Honda RoadSync นอกจากนี้ฮอนด้ายังได้จัดแสดงรถบิ๊กไบค์ครบทุกสไตล์ รวมถึงรถแต่งพิเศษจาก CUB House และ Jonny Boats เรือขนาดเล็กติดตั้งเครื่องยนต์จาก Honda Marine ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานนี้พร้อมโปรโมชันพิเศษให้ผู้ที่สนใจได้ลองเปิดประสบการณ์ใหม่
ถัดมาเป็นบูธของ LAMBRETTA ที่นำเอา “Elettra” รถรุ่นต้นแบบของสกู๊ตเตอร์พลังงานไฟฟ้า 100% โดยเบื้องหลังของการออกแบบรูปโฉมของ Elettra สกู๊ตเตอร์แห่งอนาคตคันนี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากอดีต ในรุ่นตำนานอย่าง Model LD ในช่วงปี 1951-1958 นำมาถ่ายทอดเส้นสายของดีไซน์และพัฒนาใหม่ เพื่อก้าวเข้าสู่ New Golden Era ของแลมเบรตต้า ซึ่งขณะนี้ยังเป็นเพียงรถต้นแบบเท่านั้น และนอกจากนี้ยังยกทัพโมเดลกับทั้ง 3 รหัส V, X, G ที่มีจำหน่ายอยู่ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นรุ่น V200 , V200GP, X300SR , X200 และ G350 พร้อมด้วยการจัดแสดงสุดยอดไอเดียการคัสตอมรถรุ่น X300 ในแบบฉบับที่มีความโดดเด่นถึง 2 สไตล์ ได้แก่ คันแรก X300 x MQQNEYES Style by Fatboy Design และอีกไอเดียการคัสตอมที่โดดเด่นด้วยการ Balance สีสัน by Mr.Balon
บูธ TRIUMPH ได้นำน้องเล็กรุ่นล่าสุดของค่ายที่เปิดราคาจำหน่าบแบบเร้าใจมาให้สัมผัสอย่างใกล้ชิด ได้แก่ “Speed 400” ราคา 157,900 บาท และ “Scrambler 400 X” ราคา 179,900 บาท ที่มาพร้อมเครื่องยนต์สูบเดี่ยวขนาด 398 ซีซี. ใหม่ล่าสุด นำเสนอขีดความสามารถระดับชั้นนำ คุณสมบัติมาตรฐานระดับสูง เทคโนโลยีที่มุ่งเน้นผู้ขับขี่ คุณภาพและรายละเอียดระดับพรีเมี่ยมที่ได้รับการออกแบบ เพื่อมอบการขับขี่ที่สนุกสนาน คล่องตัว และสร้างแรงบันดาลใจสำหรับผู้ขับขี่ทุกวัยและทุกระดับประสบการณ์
บูทต่อมาคือ KAWASAKI เผยโฉมรถจักรยานยนต์ไฮไลท์ 3 รุ่นในปี 2024 ที่พร้อมวางจำหน่ายแล้ว คือ Ninja ZX-6R ใหม่ ที่มีการปรับโฉม ทั้งแฟริ่งด้านหน้า ด้านข้างและกระบังลมที่สปอร์ตยิ่งขึ้น พร้อมกับวิงเล็ท (Winglet) และสปอยเลอร์ล่างที่จะช่วยป้องกันลมและแอโรไดนามิค นอกจากนี้ยังมีชุดไฟเทคโนโลยีไฮบริดระหว่าง Projector และ LED เรือนไมล์ full-colour TFT สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ มาพร้อมกับ integrated riding mode เลือกปรับโหมดการขับขี่ให้เหมาะสมกับสภาวะต่างๆในการขับขี่ เพิ่มความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น ราคา 498,000 บาท รุ่นต่อมาคือ Eliminator & Eliminator SE รถจักรยานยนต์ซิตี้ครุยเซอร์ เครื่องยนต์ขนาด 400 ซีซี. เฟรมโครงตาข่ายน้ำหนักเบา จุดศูนย์ถ่วงต่ำ ที่จะช่วยให้ขับขี่ได้อย่างคล่องแคล่วในช่วงความเร็วต่ำได้ มาพร้อมกับหน้าจอดิจิตอล LCD ที่ออกแบบใหม่มีให้ความโมเดิร์นและคอมแพ็ค โดยภายในงานนี้คาวาซากิได้นำ Eliminator สีใหม่ pearl robotic white ขาวไข่มุขสวย มาจัดแสดง พร้อมกับอีกหนึ่งเวอร์ชั่น Eliminator SE สีเทาดำ ดุ เข้ม มาพร้อมกับ cowling หน้า ที่ผสานกันได้อย่างลงตัว รวมถึงช่องเสียบสาย USB-C outlet และเบาะนั่งหนังพรีเมี่ยมสองแพทเทิร์น เสริมลุคให้เท่ห์เพิ่มมากยิ่งขึ้น ราคา 224,900 บาท (STD), ราคา 235,900 บาท (SE)
และรุ่น Ninja ZX-4R SE สีใหม่ล่าสุด รถจักรยานยนต์เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง พิกัด 400 ซีซี. ส่วนควบคุมอิเล็กทรอนิคส์ ECU ใช้พื้นฐานเดียวกับ Z H2 ฟีเจอร์ต่างๆ เพียบ พร้อมสร้างประสบการณ์ใหม่ในการควบคุมฟังชั่นค์ต่างๆ ผ่านระบบ Smartphone Connectivity โดยหน้าจอ TFT มี Built in Bluetooth เพื่อเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ของผู้ใช้รถโดยเชื่อมต่อผ่านแอพพลิเคชั่น “RIDEOLOGY” ซึ่งมีฟังก์ชั่นแสดงข้อมูลรถ และตั้งค่าการขับขี่ต่างๆ ผ่านโทรศัพท์ได้เลย โดยจำหน่ายในราคา 360,000 บาท สุดท้ายพิเศษในงานนี้ ผู้เข้าชมงานจะได้สัมผัสกับนวัตกรรมรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า Ninja e-1 และ Z e-1 ที่จะมาจุดประกายยุคสมัยใหม่อีกด้วย
ในส่วนของค่าย YAMAHA เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ครั้งแรกของโลก กับ “ALL NEW YAMAHA PG-1 Live Playful Ride ใจมันส์ได้...ไปกันได้” รถไลฟ์สไตล์เอ้าท์ดอร์ที่พร้อมพาออกไปค้นพบตัวตน และความท้าทายใหม่ๆ ไม่ว่าเส้นทางไหน ถ้าใจมันส์ได้...ก็ไปกันได้ พร้อมพบกับเครื่องแต่งกาย และผลิตภัณฑ์ยามาลู้ป จัดเต็มโปรโมชันจากยามาฮ่าได้ที่ บูธ YAMAHA Rev up for your style เติมเต็มสไตล์ในแบบคุณ…
มากันที่ค่าย SUZUKI ที่มาพร้อมกับรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่อย่าง All New V-Strom 800DE รถสไตล์ Adventure Tourer มาพร้อมเครื่องยนต์ DOHC ขนาด 776 cc. 2 สูบแบบ Parallel เพลาข้อเหวี่ยงแบบ 270 องศา พร้อมระบบอำนวยความสะดวกแบบจัดเต็มไม่ว่าจะเป็น Suzuki Cross Balancer, Quick Shift, Suzuki Intelligent Ride System (S.I.R.S.) ที่จะมาทำให้ทุกการเดินทางเป็นเรื่องง่ายๆ และ All New GSX-8S นอกจากนี้ยังมีเซอไพรส์ กับ HAHABUSA 25th Limited Edition ที่มีเพียง 9 คันในประเทศไทยเท่านั้น
ถัดมาเป็นค่าย ALPHA VOLANTIS ที่มาพร้อมกับ HORIZON 300 พรีเมี่ยมสกู๊ตเตอร์ขนาดคล่องตัวกับขุมพลัง 300 ซีซี. ซึ่งมีด้วยกันหลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็น HORIZON300 PDM Special Collection ที่เป็นรุ่นพิเศษที่ถูกออกแบบมาให้มีดีไซน์ทันสมัย โดย PDM ได้นำลวดลาย Stride ที่ออกแบบโดยคุณ Sini Henttonen (ซินิ เฮนท์โตเนน) ดีไซน์ Signature ในตำนานแห่ง PDM มาใช้ในการออกแบบและปรับการจัดวางให้ดีเทลแต่ละชิ้น มีการกระจายตัวไปบนตัวรถ ให้เหมือนการเคลื่อนไหวที่ไร้แรงโน้มถ่วง (Gravity) เสมือนกับการขับเคลื่อนที่ไร้ขีดจำกัด ไปได้ในทุกที่ ซึ่งลวดลาย gravity ได้ถูกวางลงบน body ของรถ HORIZON300 PDM แต่ละจุดอย่างลงตัว ผสานกับเส้นสายของตัวรถ ทำให้ดูโดดเด่น และเบาะลวดลายพิเศษที่สะท้อนตัวตนของแบรนด์ PDM และ ALPHA VOLANTIS ได้เป็นอย่างดี โดยจำหน่ายในราคา 129,900 บาท และ HORIZON300 SR ‘Street Racer’ ที่สุดของ Sport Premium Scooter แห่งยุค มาพร้อมชุดแต่งพิเศษรอบคัน แถมเบาะคนซ้อนและ Original Parts ราคา 149,900 บาท
ส่วนแบรนด์ SOLAR ได้เปิดตัว SOLAR GROOVE CROSS CAMP มาพร้อมกับชุดแต่งสไตล์สายท่องเที่ยว เพิ่มความสวยงาม และเสริมอรรถประโยชน์ในการใช้งานสำหรับสายแคมป์ สายลุย เตรียมแบกเป้ แพ็คสัมภาระ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางแบบไหน ก็พร้อมพิชิต พร้อมออกไปหาความท้าทายบนเส้นทางใหม่ๆ ในสนนราคาเพียง 45,900 บาทเท่านั้น
รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าอีกหนึ่งแบรนด์คือ EM ครั้งนี้มาพร้อมกับ New EM Legend 2024 ที่มีถึง 4 สีใหม่ที่สวยสดใส ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2000 W ราคาจำหน่ายในงานเหลือเพียง 38,640 บาท พร้อมด้วย EM “ENZO” Italy Maestro ขนาดมอเตอร์ไฟฟ้า 3,000 วัตต์ ราคาจำหน่ายเพียง 66,740 บาท และน้องใหม่ล่าสุด EM “Owen” EV Gentleman กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 2,500 วัตต์ ให้ความเร็ว 70-75 กม./ชม. ระยะทางต่อการชาร์จไฟฟ้า/ครั้ง ที่ 80-100 กม. (45 กม./ชม.) นับเป็นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ายุคใหม่ พลังงานที่สะอาด รูปลักษณ์ทันสมัย ขับขี่ได้อย่างสะดวกสบาย และให้ความปลอดภัย เมื่อยามขับขี่ในชีวิตประจำวัน ราคาจำหน่ายเพียง 58,640 บาทเท่านั้น
ถัดมาเป็น FELO และ RAPID ที่ยกทัพรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเข้ามาโชว์และจำหน่ายในงานนี้หลายรุ่นทีเดียว โดย FELO มีด้วยกัน 4 นคือ FW07 ราคา 179,000 บาท, FW03 ราคา 139,000 บาท, M1 ราคา 59,000 บาท และ F5 ราคา 149,000 บาท พร้อมด้วยรุ่นใหม่ล่าสุดกับ FW3 Limited Edition SIC58 ที่ผลิตเพียง 580 คันทั่วโลกเท่านั้น! โดยประเทศไทย มีเพียง 58 คัน ในราคา 139,000 บาท ส่วน RAPID มีทั้งหมด 5 รุ่น แต่ในงานนี้ได้เปิดจองแค่ 2 รุ่นเท่านั้นคือ RAPID SR09 ราคา 86,000 บาท และ RAPID SR108 ราคา 79,500 บาท
บูธต่อมาคือ HARLEY – DAVIDSON มีไฮไลท์อยู่ที่รถมอเตอร์ไซค์รุ่น CVO™ Road Glide โฉมใหม่ ซึ่งเป็นการพัฒนามาจากตระกูล Grand American Touring มาพร้อมแฟร์ริ่งที่มีช่องระบายอากาศในตัว โดดเด่นด้วยไฟหน้า LED และไฟเลี้ยวที่ผสานรวมกับปลายแฟร์ริ่งด้านนอกทั้งสองรุ่นมาพร้อมแฟร์ริ่งที่มีช่องระบายอากาศในตัว โดดเด่นด้วยไฟหน้า LED และไฟเลี้ยวที่ผสานรวมกับปลายแฟร์ริ่งด้านนอก นอกจากนี้ องค์ประกอบด้านดีไซน์โฉมใหม่ ยังรวมไปถึง บังโคลนหน้าที่ได้รับการปรับรูปทรง ถังน้ำมันขนาด 23 ลิตร ด้วยมุมเอียงด้านข้างที่โดดเด่น และกระเป๋าข้างที่มีรูปทรงสามมิติที่กลมกลืนไปกับแฟร์ริ่งและถังเชื้อเพลิง
รถมอเตอร์ไซค์รุ่น CVO™ Road Glide® ติดตั้งชุดระบบอินโฟเทนเมนต์ Skyline™ OS และปรับโฉมหน้าจอแบบอะนาล็อกและสวิตช์ควบคุมใหม่ทั้งหมด ด้วยหน้าจอสัมผัสสี TFT ขนาด 12.3 นิ้ว ราคาเริ่มต้นที่ 3,207,000 บาท ส่วนรุ่น CVO™ Street Glide ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight® VVT 121 แบบ V-Twin พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยเช่นกัน โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 3,152,000 บาท
ROYAL ENFIELD เปิดตัว Royal Enfield Bullet Bullet 350 ปี 2023 ใหม่ ที่กลับมาพร้อมหัวใจดวงใหม่ ด้วยเครื่อง J-Series ขนาด 349 ซีซี. ที่มีความสมูท เรียบนิ่ง ประหยัดน้ำมัน แต่ทรงพลัง โดยยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ รายละเอียดที่เปรียบเสมือนงานศิลปะ และเสียงเครื่องยนต์ที่เป็นตำนาน พร้อม 3 สีใหม่ คือ Standard Black - สีดำเงา พร้อมตัวเครื่องสีโครเมียม, Standard Maroon - สีแดงเข้ม พร้อมตัวเครื่องสีโครเมียม และ Black Gold - สีดำเงาสลับด้าน พร้อมตัวเครื่องสีดำ
ต่อมาคือ SCOMADI ผู้จัดจำหน่ายรถสกู๊ตเตอร์สัญชาติอังกฤษ ตอกย้ำจุดยืนการเป็นแบรนด์สกู๊ตเตอร์สไตล์โมเดิร์น คลาสสิกที่มีความโดดเด่นด้านดีไซน์แบบดั้งเดิมและนวัตกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ด้วยการเปิดตัว 2 โมเดลล่าสุด ได้แก่ “TURISMO ELECTRONICA” รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ารุ่นแรกของสโกมาดิที่มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยและสมรรถนะที่เหนือระดับ เปิดจำหน่ายแบบลิมิเต็ดเพียง 200 คัน เท่านั้น พร้อมพบความเอ็กซ์คลูซีฟของรถคันพิเศษเพียงหนึ่งเดียวที่สร้างสรรค์โดย “MR.KREME” ศิลปินอาร์ตทอยชื่อดังชาวไทย ควงคู่มากับการเปิดตัว “TURISMO PICCOLO 125i” สกู๊ตเตอร์โมเดิร์น คลาสสิก ที่รองรับทุกไลฟ์สไตล์ของนักขับขี่มือใหม่โดยเฉพาะพร้อมให้ได้ร่วมสัมผัสอย่างใกล้ชิด
ส่วนทางด้าน ROYAL ALLOY เปิดตัว Royal Alloy GP300S SC รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างคันแรกของ Royal Alloy สกู๊ตเตอร์คลาสสิค ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมจากโรงงาน ตัวพ่วงมีเข็มขัดนิรภัย และระบบดิสก์เบรก แยกอิสระจากตัวรถ ฝาข้างแบบใส โชว์เครื่องยนต์และงานประกอบ สุดปราณีต หากไม่ชอบสามารถเปลียนเป็นแบบสีเดียวกับตัวรถได้ เปิดจำหน่ายในราคา 225,000 บาท สามารถจัดไฟแนนซ์ และผ่อนได้สูงสุด 60 งวด
แบรนด์น้องใหม่อย่าง ZEEHO นำทัพสร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยคอนเซ็ปต์ไบค์ หรือรถต้นแบบของ ZEEHO 2 รุ่น ที่ไปอวดโฉมในงาน EICMA SHOW โดยรถต้นแบบทั้ง 2 รุ่น ได้แก่ ZEEHO MAGNET รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่แนวสปอร์ตล้ำสมัย ที่ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 149.6 กม./ชม. อัตราเร่งความเร็วจาก 0-50 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที วิ่งได้ระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ประมาณ 200 กม. ให้การขับขี่ที่นุ่มนวลด้วยระบบกันสะเทือนหลังแบบเดี่ยว และระบบกันสะเทือนหน้าแบบหัวกลับ คาลิปเปอร์เบรกแบบเรเดียล ล้อหลังออกแบบให้กว้างเพื่อให้การทรงตัวมีเสถียรภาพดีขึ้น ไฟหน้า LED พร้อมคุณสมบัติการเชื่อมต่ออัจฉริยะขั้นสูง โหมดการขี่ 3 โหมด แผงหน้าปัด LED ขนาด 7-8 นิ้วใช้แสดงข้อมูลการเดินทาง ระดับแบตเตอรี่ ฯลฯ ล่าสุดทาง CFMOTO ได้ยื่นขอจดสิทธิบัตรเพื่อเตรียมผลิตออกสู่ตลาดในอนาคตอันใกล้
และ ZEEHO C!TY SPORT หนึ่งใน C!TY Series ที่ได้แรงบันดาลใจแนวเส้นการออกแบบจากแนวคิดของรหัสมอร์ส รวมกับใช้ภาษาของจังหวะกระแสไฟ ปลดล็อคโลกของความเป็นไปได้แบบไร้ขอบเขต เน้นความล้ำสมัยและปรัชญาที่ไดนามิค ด้วยหน้ากากหน้าแบบเมทริกซ์ ไฟหน้า LED และไฟท้ายดิจิทัลแบบมินิมัลลิสต์ที่ใช้เส้นตามแนวตั้ง โดยมาพร้อมกับแบตเตอรี่ลิเทียม 60V32Ah วิ่งได้ 80 กม. พร้อมติดตั้งที่ชาร์จ 700W สามารถชาร์จจาก 0 – 80% ด้วยเวลาน้อยกว่า 3 ชั่วโมง และระบบ BMS จัดการแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าที่ชาญฉลาดกว่า 30 ฟังก์ชัน มอเตอร์กลางมีประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงานเป็นเยี่ยม พร้อมระดับฉนวนความปลอดภัยของมอเตอร์ระดับ H ได้ถึง 180 องศา
CYCLONE แบรนด์รถจักรยานยนต์ระดับไฮเอนด์ที่ผลิตโดย Zongshen Industrial Group ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ชั้นนำของประเทศจีน โดยในครั้งนี้นำมาจำหน่ายด้วยกันถึง 6 รุ่นจาก 3 สไตล์ด้วยกัน คือ สไตล์ CYCLONE Cruiser ได้แก่รุ่น RA401 และ RA250 สไตล์ CYCLONE Sport ได้แก่ RC401 กับ RC250 และสไตล์ CYCLONE Adventure ได้แก่ RX401 และ RE3 SCRAMBLER
CINECO มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารถพรีเมียมสกู๊ตเตอร์ นำรถไฟฟ้ามาโชว์และจำหน่ายด้วยกันหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น CINECO E-RT3 รถไฟฟ้าที่กำลังมอเตอร์สูงสุดถึง 8000W ความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. ระยะทางสูงสุด 220 กิโลเมตร/การชาร์จราคา 349,000 บาท พิเศษจองในงาน 50 คันแรก ส่วนลดสุพิเศษ 50,000 บาท เหลือเพียง 299,000 บาท รวมถึง Cineco ES5 กับฟีเจอร์ และฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ทุกการขับขี่ ด้วยมอเตอร์ 5000W แบตเตอรี่ Lithium 60V31Ah 2 ก้อน ทำความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม. ระยะทางสูงสุด 150 กิโลเมตร/การชาร์จ แบตเตอรี่ 2 ก้อน
LYVA มาพร้อมกับรุ่น MKK มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ดีไซน์โฉบเฉี่ยว พร้อมหน้าจอ LED ขนาดใหญ่ มีระบบกันขโมย มอเตอร์ 2,500 W สามารถวิ่งเร็วได้ 85 กม./ชม. ขับขี่ง่าย วิ่งไกล 100 กม. มี 3 โหมดการขับขี่ คือ Eco, Sport, Super Sport โดยการชาร์จ 0-100 % ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง จำหน่ายราคา 93,000 บาท และ LYVA S30+ ที่ขับสนุก ขี่ไม่สะดุด กับความเร็วสูงสุด 85 กม./ชม. ดีไซนทันสมัย เหมาะกับคนที่ใช้ชีวิตในเมือง สบายกระเป๋า จ่ายเพียง 12 บาทต่อการชาร์จ 1 ครั้ง จองในงานราคาเพียง 58,000 จากราคาปกติ 81,000 บาท และ LYVA MB5 มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า รุ่นประหยัด คนเริ่มขับก็ขับได้ น้ำหนักเบา ขับง่าย ดูแลรักษาไม่ยาก ขนของได้เยอะ ชาร์จไฟเพียง 9 บาทต่อครั้ง วิ่งไกลได้สูงสุด 120 กม. จองในงานเพียง 54,000 จากราคาปกติ 77,000 บาท
ทั้งหมดนี้คือ “ไฮไลท์” ของแต่ละบูธในโซนพื้นที่การจัดแสดงรถจักรยานยนต์หรือ Motorcycles Zone ภายในงาน “มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40” หรือ Thailand International Motor Expo 2023 ที่สร้างสีสันและความคึกคักให้กับผู้เข้าชมงานเป็นอย่างมาก!!!
สำหรับเหล่าไบค์เกอร์และผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 (Thailand International Motor Expo 2023) ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึง 11 ธันวาคม 2566 โดยเวลาเปิดเข้าชมในวันธรรมดา 12.00 - 22.00 น. ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ 11.00 - 22.00 น. ณ อาคารอิมแพ็คชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี…
30 พ.ย. 2566
26 เม.ย 2563