Last updated: 2 ต.ค. 2567 | 544 จำนวนผู้เข้าชม |
สำหรับปีนี้งาน EICMA มาพร้อมแนวคิด “young people and urban mobility” ซึ่งมีผลิตภัณฑ์มากกว่า1,700 แบรนด์ จาก 45 ประเทศ มาจัดสแดง แต่ด้วยเนื้อที่จำกัดของ FRM เราจะนำขอพูดถึงแค่บางส่วนในงานเท่านั้น...เริ่มต้นด้วยการมาดูบางส่วนของค่ายรถอิตาเลี่ยนเดินหน้าเปิดไลน์อัพใหม่ลุยตลาดปี 2024 แทบทุกค่ายผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ของยุโรปโดยเฉพาะอิตาลีจะมีการแทรกไลน์อัพรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าทั้ง E-Vehicles, E-Moto, E-Scooters, E-Mobility ก็แล้วแต่จะเรียกกันไป! แน่นอนว่าพวกเขาต่างก็ไม่ทิ้งไลน์อัพหลักที่เป็นรถจักรยานยนต์ประเภทต่างๆ ซึ่งน่าสนใจ หลายค่ายพยายามรุกตลาดใหม่ๆ กันมาขึ้น
เริ่มด้วยโรงงานโบโลญญ่าที่มาตามสูตรเดิม ซึ่งจะเปิดตัวรถใหม่ในแบบ Ducati World Premiere ซึ่งหนึ่งในพระเอกนั้นก็คือ เครื่องยนต์สูบเดียวตัวแรกในรอบกว่า 30 ปี อย่าง Hypermotard 698 Mono ขณะเดียวกันที่น่าสนใจไม่น้อยคือการเน้นมาที่รถในกลุ่มวิบากด้วยการนำเสนอรถในซีรี่ส์ Desert X รวมถึงการอัพความเป็นสปอร์ตให้กับรถในตระกูล Multistrada ทั้ง V4S Grand Tour และ V4RS เช่นเดียวกันตลอดระยะเวลาจัดงานนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้ทดลองขี่ Ducati E-Bikes อีกด้วย
ค่ายถัดมาอย่าง MV Augusta คงบอกไม่ได้เต็มปากนักว่าเป็นค่ายอิตาเลี่ยนเต็มตัว เมื่อถูกซื้อหุ้นโดยPierer Mobility AG ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ KTM ที่เข้าไปซื้อกิจการและถือหุ้นในค่ายรถต่างๆ ของยุโรปนั่นเอง ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ในบูธ MV Agusta ปีนี้พระเอกกลับเป็นรถสายแอ๊ดเว็นเจอร์ที่ว่ากันว่าเป็นครั้งแรกของค่ายนี้นั่นเอง ซึ่งก็คือ LXP Oriole ที่จัดเป็นรถระดับพรีเมี่ยมที่จะผลิตออกมาเพียง 500 คัน ในขณะที่ไลน์อัพสายสตรีทดั้งเดิมในคราวนี้ก็จะมีโมเดลใหม่อย่าง Superveloce98 กับ Brutal1000RR
มาต่อกันที่บูธจากโรงงานโนเอลอย่างค่าย Aprilia ที่แน่นอนว่านอกจากซีรี่ส์ใหม่สายสปอร์ต RS457ล่าสุด รวมทั้งการแตกไลน์ที่หลากหลายจากพื้นฐานเครื่องยนต์ 660 สู่รถสายสตรีทและสปอร์ตโมเดลต่างๆ อย่าง RS660 แต่น่าจับตาที่สุดก็คือ การขยับตัวที่ชัดเจนยิ่งขึ้นกับการเดินหน้ารุกตลาดรถออฟโรดอย่างจริงจังด้วยการปรับโฉมอัพเดทสมรรถนะให้กับ Tuareg เพื่อรุกตลาดรถออฟโรดนั่นเอง
และเมื่อเอ่ยถึง Aprilia ก็พาลนึกถึงค่ายรถอื่นๆ ในเครือเดียวกันของ Piaggio group ที่ยังมีแบรนด์ MotoGuzzi ที่ในการออกบูธครั้งนี้ค่อนข้างชัดเจนถึงการนำเสนอรถในกลุ่มแอ็ดเวนเจอร์เพิ่มขึ้นด้วยการส่ง Moto Guzzi Stelvio หรือแปลเป็นภาษาอังกฤษก็คือ on-off road bike from Moto Guzzi ออกมาทำตลาดโดยใช้เครื่องยนต์ใหม่ขนาด 1,042 ซีซี. ที่เป็นพื้นฐานบล็อกเดียวกับ V100Mandello ดังนั้นเชื่อว่า Stelvio น่าจะเป็นตัวชูโรงในปีนี้
ขณะที่รถสกู๊ตเตอร์อย่างแบรนด์ Vespa นอกจากไลน์อัพปกติต่างๆ แล้วก็มีการนำเสนอแนวการออกแบบใหม่สำหรับสองรุ่นเดิมอย่าง Primavera และ Sprint S ที่อยู่ภายใต้แนวคิดการออกแบบ small body สำหรับคนรุ่นใหม่และตอบสนองจิตวิญญาณการใช้งานในเมือง ซึ่งทั้งสองรุ่นดังกล่าวจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 50-125 และ 150 พร้อมกันนี้ยังได้มีการอัพเกรด e-scooter อย่าง Piaggio 1 ให้มีกำลังไฟมากกว่าเดิมเกือบสองเท่า เพื่อตอบโจทย์ในการใช้งานได้ดียิ่งขึ้น
เช่นเดียวกับอิตาเลี่ยนสกู๊ตเตอร์อีกแบรนด์อย่าง Lambretta ก็ไม่พลาดนำเสนอแนวคิดการพัฒนารถ EV กับการเปิดตัวรถต้นแบบหรือรถคอนเซ็ปพลังงานไฟฟ้า100% ด้วยรุ่น Lambretta Electra ที่นำเสนอในฐานะรถคอนเซ็ป แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าไม่นานนักก็คงจะถูกผลักดันขึ้นไลน์การผลิตออกมาจำหน่ายแน่นอนเพราะกระแส EV ในฝั่งยุโรปถือว่าไม่ธรรมดาเลย
มาที่โรงงานฝั่งริมินี่อย่างค่าย Bimota ที่ยังคงเหนียวแน่นกับทาง Kawasaki หลังจากปีที่แล้วได้ก้าวสู่โลกเอ็นดูโร่ด้วยการนำรถตระกูล KX มาต่อยอดพัฒนาเป็น BX450 พอมาถึงคราวนี้พวกเขาได้เปิดตัวรถแอ็ดเวนเจอร์ทัวริ่งที่ใช้พื้นฐานเครื่องยนต์ Kawasaki H2 ที่จะมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวด้วยระบบกันสะเทือน หน้า-หลัง ที่ออกแบบโดย Bimota ที่บรรจงรังสรรผลงานระดับพรีเมี่ยมจากโรงงานริมินี่จนออกมาเป็น Bimota Tera supercharged adventure tourer อย่างไรก็ตามพวกเขายังไม่มีแพลนที่จะนำรุ่นส่งขายต่างประเทศ ดังนั้นก็คงต้องใจเย็นๆ นิดสำหรับคนที่ชอบสะสมของแปลก
มาทางฝั่งโรงงานปิซาโร่ของค่าย Benelli กันบ้าง อย่างที่ทราบกันดีว่าถูกกลุ่มทุนจีนซื้อกิจการไปจนแทบจะถูกปลดจากคำว่าค่ายรถอิตาลีถึงขนาดที่ทางผู้บริหารต้องกลับมารื้อฟื้นโรงงานในปิซาโร่ขึ้นมาใหม่พร้อมๆ กับมอบหมายให้ผลิตบางรุ่นในระดับตัวท๊อปรวมทั้งสถาปนาเป็นศูนย์ R&D อย่างน้อยๆ ก็สามารถเคลมได้ว่า design in pisaro หรือ in Italy เอาเป็นว่าในคราวนี้ยกขบวนรถขนาดกลางถึงเล็กมาครบครัน แต่ที่เป็นไฮไลท์นั้นนั้นอยู่ที่เครื่องยนต์ใหม่ 702 engine ที่พัฒนาต่อยอดขึ้นมาจากเครื่องยนต์เดิมอย่าง 502 parallel twin engine และนำมาใช้กับรุ่น TRK702 โดยมีขบวนรถโมเดลใหม่ตามมาอย่างเช่น Tornado500 ที่เป็นสปอร์ตไบค์ ที่มาพร้อมกับ Tornado Naked Twin500 รวมทั้งรถสูบเดียวแบบออลนิวอย่าง BKX300S
มาปิดท้ายค่ายผู้ผลิตอิตาลีด้วย Italjet ที่มีท่าทีว่าจะมีตัวแทนจำหน่ายในไทยอย่างเป็นเรื่องราว แต่แล้วก็ดูเงียบๆ ไป อย่างไรก็ตามในระหว่างงาน EICMA2023 ที่มิลานในอิตาลีนั้นค่ายนี้ได้ขับขยายเปิดตัว Dragster 559 Twin ออกมาอย่างเป็นทางการ หลังจากปีที่แล้วนำมาจัดแสดงในฐานะรถคอนเซ็ปในชื่อ 500GP ก่อนที่จะตัดสินใจอัพขนาดเครื่องยนต์เป็น 550 ซีซี.
มาดูในส่วนค่ายหลักจากฝั่งเอเชียกันบ้าง เริ่มที่ Kawasaki ก่อนเลย แม้ว่าจะเป็นวาระครบรอบ 40 ปี ของรถหัสรุ่น Ninja แต่ขอข้ามไปพูดถึงไลน์อัพใหม่ e-bikes ที่ทาง Kawasaki นำเสนอออกมาสองโมเดลบนพื้นฐานโครงสร้างเฟรมแชสซีส์รวมทั้งองค์ประกอบพื้นฐานของรถขนาด 400 ซีซี. แต่เปลี่ยนแหล่งพลังขับเคลื่อนมาเป็นไฟฟ้าแทน ซึ่งรถทั้งสองโมเดลก็คือ Ninja E-1 ที่มีความเป็นสปอร์ต กับรถแบบเนคเก็ตอย่าง Z e-1 ซึ่งต่างก็มีระยะทำการประมาณ 72 กม. โดยให้กำลังสูงสุด 12 แรงม้า พร้อมรองรับผู้ถือใบอนุญาตขับขี่ A1licenses และ B licensesในยุโรป
ส่วนทางฝั่ง Honda ก็มีการเปิดตัวรถ 4 รุ่นพร้อมจัดแสดงไลน์อัพต่างๆ ที่อัพเดทมาเพื่อทำตลาดเช่นเดียวกับค่ายอื่นๆ แต่ที่น่าสนใจกลับเป็นการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่แบบ World first tech ซึ่งก็คือ E-Clutch สำหรับทาง Suzuki ที่พยายามสร้างแบรนด์ของ Hayabusa ให้เป็นตำนานของตัวเองด้วยการนำเสนอในวาระครบรอบ 25 ปีของรถรุ่นนี้ แล้วก็นำเสนอสองโมเดลใหม่อย่าง GSX S1000 GX ADV กับ GSX8R พร้อมตามด้วยการนำเสนอไลน์อัพดั้งเดิมที่อัพเดทขึ้นมา เพื่อส่งเข้าสู่ตลาดในปี 2024 แบบครบครัน
เช่นเดียวกันกับ Yamaha ที่นำเสนอใกล้เคียงกับการออกงานของเพื่อนร่วมชาติที่ต่างก็ยกไลน์อัพมาจากงานแสดงรถที่ญี่ปุ่นก่อนหน้านี้ โดยทาง Yamaha ได้นำ YZF-R3 กับ MT-03 ที่ควงคู่มากับรถในสาย ADV หรือแอ็ดเวนเจอร์อย่าง Tenere700 และ Tenere 700 Explore รวมถึงเรือธงสายเนคเก็ตในรหัส MT-09 SP ที่อัพเดทมาเต็มที่ควบคู่กับเวอร์ชั่นมาตรฐาน สรุปก็คือค่าย Big4 จากญี่ปุ่นก็นำเสนอตามแบบที่พวกเขาเคยนำเสนอก่อนหน้านี้จากการเปิดไลน์อัพจากในญี่ปุ่นก่อนจะมาที่งาน EICMA ในคราวนี้
นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ที่คุ้นหน้าคุ้นตาจากจีนและเกาหลีที่มาทำตลาดในบ้านเราอย่าง SYMณ ไต้หวัน ที่นำรถใหม่มาจัดแสดง 6 รุ่นสำหรับส่งรุกตลาดในปี 2024 ซึ่งเน้นไปที่ตลาดยุโรปกับรถสกู๊ตเตอร์ในสายครอสโอเวอร์อย่าง ADX125 ที่จะมาแจมกับรุ่นใหญ่ในตระกูลอย่าง ADX300 กับ ADX400 ขณะเดียวกันก็มีการอัพเกรดสกู๊ตเตอร์ใหญ่อย่าง Maxsym400 ปรับสเปคมาเป็น Maxsym GT เป็นต้น ก็ไม่ต่างกับแบรนด์ Keeway ที่มีการแต่งองค์ทรงเครื่องรถของตนเองในแต่ละรุ่นที่จะทำตลาดในปีที่จะถึงด้วยการยกขบวนมาออกบูธในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะครุยเซอร์รุ่น V302C ถ้ามองผ่านๆ ก็อาจจะเข้าใจว่าเป็นอเมริกันครุยเซอร์กันเลย เช่นเดียวกับบิ๊กสกู๊ตเตอร์อย่าง VIESTE 300ADV ถ้าไม่สังเกตดีอาจเข้าใจผิดในความละม้ายคล้ายคลึงกับสกู๊ตเตอร์พิมพ์นิยมในบ้านเราบางรุ่นก็เป็นได้
ปิดท้ายด้วยค่ายรถในสังกัดของ Pierer Mobility AG จากออสเตรียที่มีแบรนด์ในครอบครองอย่าง KTM, Husqvarna, GAS GAS ที่จัดเต็มไลน์ดั้งเดิมสายวิบากมาจัดแสดงเช่นปกติ แต่ KTM ดูท่าจะพยายามเน้นไปทางรถสตรีทมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากความพยายามที่จะดันรถในซีรี่ส์ DUKE ค่อนข้างมาก ขณะที่ Norden901 ดูจะเป็นเรือธงของฝั่ง Husqvarna ที่มุ่งเน้นไปกับรถแนวดูอัลหรือ ADV รวมทั้งยังพยายามจับกลุ่มตลาดสาย E-vehicle ที่ค่อนข้างชัดเจนด้วยเช่นกัน ขณะที่ GASGAS นั้น ยังไม่ปล่อยมือจากรถไต่เขาหรือไทรอัลที่มีนำเสนอโมเดลล่าสุด ควบคู่กับการต่อยอดทำยอดขายรถวิบาก โดยเฉพาะการต่อยอดความสำเร็จจากการแข่งขัน MXGP
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงบางส่วนที่เรานำมาฝากกันถึงความเคลื่อนไหวเล็กๆ จากงาน EICMA 2023 ที่บอกกล่าวแบบรวบรัดให้กระชับที่สุดนั่นเอง!